one to one เป็นความสัมพันธ์ที่ในหนึ่ง record ของตารางหนึ่งมีความสัมพันธ์กับอีกหนึ่ง record ของอีกตารางหนึ่ง
many to many เป็นความสัมพันธ์ที่ข้อมูลหนึ่งหรือหลาย Record ในตารางหนึ่งมีความสัมพันธ์กับหนึ่งหรือหลาย Record ในอีกตารางหนึ่ง
one to many เป็นความสัมพันธ์ใน 1 Record ของตารางมีความสัมพันธ์กับอีกหนึ่งหรือหลาย Record ของตารางอื่น
วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ประโยชน์ของระบบจัดการฐานข้อมูล
ประโยชน์ของระบบจัดการฐานข้อมูล
1.ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
2.รักษาความถูกต้องของข้อมูล
3. มีความเป็นอิสระของข้อมูล
4. มีความปลอดภัยของข้อมูลสูง
5. ใช้ข้อมูลร่วมกันโดยมีการควบคุมจากศูนย์กลาง
1.ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
2.รักษาความถูกต้องของข้อมูล
3. มีความเป็นอิสระของข้อมูล
4. มีความปลอดภัยของข้อมูลสูง
5. ใช้ข้อมูลร่วมกันโดยมีการควบคุมจากศูนย์กลาง
ระบบจัดการฐานข้อมูล
ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System) หรือที่เรียกว่า ดีบีเอ็มเอส (DBMS) เป็นกลุ่มโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในระบบติดต่อระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล เพื่อจัดการและควบคุมความถูกต้อง ความซ้ำซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่างๆ ภายในฐานข้อมูล ซึ่งต่างจากระบบแฟ้มข้อมูลที่หน้าที่เหล่านี้จะเป็นหน้าที่ของโปรแกรมเมอร์ ในการติดต่อกับข้อมูลในฐานข้อมูลไม่ว่าจะด้วยการใช้คำสั่งในกลุ่มดีเอ็มแอล (DML) หรือ ดีดีแอล (DDL) หรือจะด้วยโปรแกรมต่างๆ ทุกคำสั่งที่ใช้กระทำกับข้อมูลจะถูกดีบีเอ็มเอสนำมาแปล (คอมไพล์) เป็นการปฏิบัติการ (Operation) ต่างๆ ภายใต้คำสั่งนั้นๆ เพื่อนำไปกระทำกับตัวข้อมูลภายในฐานข้อมูลต่อไป สำหรับส่วนการทำงานตางๆ ภายในดีบีเอ็มเอสที่ทำหน้าที่แปลคำสั่งไปเป็นการปฏิบัติการต่างๆ กับข้อมูลนั้น
ฐานข้อมูล
ฐานข้อมูล คือ ชุดของสารสนเทศที่มีโครงสร้างสม่ำเสมอ
ชุดของสารสนเทศใด ๆ ก็อาจเรียกว่าเป็นฐานข้อมูลได้ ถึงกระนั้น คำว่าฐานข้อมูลนี้มักใช้อ้างถึงข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ และถูกใช้ส่วนใหญ่เฉพาะในวิชาการคอมพิวเตอร์ บางครั้งคำนี้ก็ถูกใช้เพื่ออ้างถึงข้อมูลที่ยังมิได้ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เช่นกัน ในแง่ของการวางแผนให้ข้อมูลดังกล่าวสามารถประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ได้
ชุดของสารสนเทศใด ๆ ก็อาจเรียกว่าเป็นฐานข้อมูลได้ ถึงกระนั้น คำว่าฐานข้อมูลนี้มักใช้อ้างถึงข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ และถูกใช้ส่วนใหญ่เฉพาะในวิชาการคอมพิวเตอร์ บางครั้งคำนี้ก็ถูกใช้เพื่ออ้างถึงข้อมูลที่ยังมิได้ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เช่นกัน ในแง่ของการวางแผนให้ข้อมูลดังกล่าวสามารถประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ได้
ระบบฐานข้อมูล
ระบบฐานข้อมูล (database) หมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันและถูกนำมาจัดเก็บในที่เดียวกัน โดยข้อมูลอาจเก็บไว้ในแฟ้มข้อมูลเดียวกันหรือแยกเก็บหลาย ๆ แฟ้มข้อมูล แต่ต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเพื่อประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลในการจัดเก็บข้อมูลในระบบฐานข้อมูลมีข้อดีกว่าการจัดเก็บข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลพอสรุปประเด็นหลัก ๆ ได้ดังนี้
· มีการใช้ข้อมูลร่วมกัน (data sharing)
· ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล (reduce data redundancy)
· ข้อมูลมีความถูกต้องมากขึ้น (improved data integrity)
· เพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล (increased security)
· มีความเป็นอิสระของข้อมูล (data independency)
· มีการใช้ข้อมูลร่วมกัน (data sharing)
· ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล (reduce data redundancy)
· ข้อมูลมีความถูกต้องมากขึ้น (improved data integrity)
· เพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล (increased security)
· มีความเป็นอิสระของข้อมูล (data independency)
วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553
การออกแบบและพัฒนาเว็บ
เว็บเพจ (WEBPAGE) หมายถึง หน้าหนึ่ง ๆ ของเว็บไซต์ ที่เราเปิดขึ้นมาใช้งาน
โดยทั่วไป เว็บเพจส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTML หรือ XHTML (ซึ่งมักมีนามสกุลไฟล์เป็น htm หรือ html) มีลิงก์สำหรับเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น ๆ สามารถใส่รูปภาพและรูปภาพยังสามารถเป็นลิงก์ กล่าวคือสามารถคลิกบนรูปเพื่อกระโดดไปหน้าอื่นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใส่แอปเพล็ต (applet) ซึ่งเป็นโปรแกรมขนาดเล็กแสดงภาพเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ หรือสร้างเสียง ได้อีกด้วย
โปรแกรมที่ใช้เปิดดูเว็บเพจ เรียกว่า เว็บเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นที่นิยม เช่น อินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์, Netscape, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์, และ ซาฟารี เป็นต้น
โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเพจ เช่น โปรแกรม Macromedia Dreamweaver , PHP & MySQL , Flash Professional เป็นต้น
เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น
สรุป เว็บไซต์ คือ ชื่อเรียกหรือที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเว็บเพจ คือ หน้าแต่ละหน้าที่มีการเชื่อมโยงถึงกันโฮมเพจ คือ หน้าแรกที่เข้าสู่เว็บไซต์นั้น ๆ
ส่วนประกอบของเว็บเพจที่สำคัญ มีดังนี้1. ข้อความ (Text) ได้แก่ ตัวอักษร ตัวเลข ซึ่งอาจเป็นภาษาอังกฤษ ไทย หรือภาษา อื่น ๆ ก็ได้2. กราฟิก (Graphics) ได้แก่ ภาพวาดและรูปภาพต่าง ๆ3. มัลติมีเดีย (Multimedia) ได้แก่ ภาพเคลื่อนไหว ภาพวีดิทัศน์ เสียง4. ลิงก์ (Link) ข้อความหรือรูปภาพที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยัง เว็บเพจอื่น ๆ ได้ เราสามารถตรวจสอบได้ว่าส่วนใดเป็นลิงก์โดยนำเมาส์ไปนี้สัญลักษณ์เมาส์จะเปลี่ยนเป็นมือ ? แสดงว่าส่วนนั้นเป็นลิงก์
โฮมเพจ(Home Page) คือ หน้าแรกของเว็บไซต์คะ เปรียบได้กับหน้าปกหนังสือที่ผู้อ่าน (ผู้ใช้) จะเห็นเป็นอันดับแรก โดยปกติชื่อไฟล์โฮมเพจจะตั้งโดยใช้ชื่อว่า index หรือ default หรือ home คะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาษาที่ใช้พัฒนา อาทิ เช่น index.html, index.htm, default.html , index.shtml
ไฟล์ html หรือ htm คือ ชนิดของไฟล์หน้าเว็บและหน้าโฮมเพจ จะมีนามสกุลเป็น .html หรือ .htm ใช้ได้ทั้ง 2แบบ
ลิ้งค์(Links)คืออะไรเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการที่อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางอยู่ทั่วโลกนั่น เป็นผลมาจากความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูล(Links) จากฐานข้อมูลหนึ่งไปยังฐานข้อมูลหนึ่งได้อย่างรวดเร็วในโลกของ อินเตอร์เน็ต การเชื่อมต่อกันเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดถ้ามีอินเตอร์เน็ตแต่มันไม่เป็นอิสระและไม่เชื่อมต่อกัน คงไม่ค่อยมีประโยชน์เดิมทีระบบอินเตอร์เน็ตพัฒนามาจากเครือข่ายเตือนภัยระหว่างหน่วยงานเพื่อความมั่นคงของสหรัฐทั่วประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อออนไลน์ระวังภัยที่จะคุกคามความมั่นคงของชาติตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้ถูกพัฒนายิ่งขึ้น จนกลายเป็นระบบสื่อสารที่เชื่อมโยงโลกทั้งโลกเข้าด้วยกัน........และการ Links ก็คือการที่เราต้องการเปิดเว็บเพจไปยังจุดหมายอื่นในเวบเพจเดียวกันหรือไปยังเวบเพจอื่นต้องมีการเขียนคำสั่ง กำหนดเส้นทางที่ต้องการจะไปและผู้ใช้ก็เพียงแค่... คลิกเม้าส์.. ! ที่จุดนั้นเพื่อเข้าไปยังจุดหมายที่กำหนดไว้
การเตรียมตัวก่อนลงมือทำเว็บมีกี่ข้ออะไรบ้าง เตรียมตัวหาข้อมูลออกแบบโครงสร้างขนาดและสีตัวอักษร
โดยทั่วไป เว็บเพจส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTML หรือ XHTML (ซึ่งมักมีนามสกุลไฟล์เป็น htm หรือ html) มีลิงก์สำหรับเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น ๆ สามารถใส่รูปภาพและรูปภาพยังสามารถเป็นลิงก์ กล่าวคือสามารถคลิกบนรูปเพื่อกระโดดไปหน้าอื่นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใส่แอปเพล็ต (applet) ซึ่งเป็นโปรแกรมขนาดเล็กแสดงภาพเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ หรือสร้างเสียง ได้อีกด้วย
โปรแกรมที่ใช้เปิดดูเว็บเพจ เรียกว่า เว็บเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นที่นิยม เช่น อินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์, Netscape, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์, และ ซาฟารี เป็นต้น
โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเพจ เช่น โปรแกรม Macromedia Dreamweaver , PHP & MySQL , Flash Professional เป็นต้น
เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น
สรุป เว็บไซต์ คือ ชื่อเรียกหรือที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเว็บเพจ คือ หน้าแต่ละหน้าที่มีการเชื่อมโยงถึงกันโฮมเพจ คือ หน้าแรกที่เข้าสู่เว็บไซต์นั้น ๆ
ส่วนประกอบของเว็บเพจที่สำคัญ มีดังนี้1. ข้อความ (Text) ได้แก่ ตัวอักษร ตัวเลข ซึ่งอาจเป็นภาษาอังกฤษ ไทย หรือภาษา อื่น ๆ ก็ได้2. กราฟิก (Graphics) ได้แก่ ภาพวาดและรูปภาพต่าง ๆ3. มัลติมีเดีย (Multimedia) ได้แก่ ภาพเคลื่อนไหว ภาพวีดิทัศน์ เสียง4. ลิงก์ (Link) ข้อความหรือรูปภาพที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยัง เว็บเพจอื่น ๆ ได้ เราสามารถตรวจสอบได้ว่าส่วนใดเป็นลิงก์โดยนำเมาส์ไปนี้สัญลักษณ์เมาส์จะเปลี่ยนเป็นมือ ? แสดงว่าส่วนนั้นเป็นลิงก์
โฮมเพจ(Home Page) คือ หน้าแรกของเว็บไซต์คะ เปรียบได้กับหน้าปกหนังสือที่ผู้อ่าน (ผู้ใช้) จะเห็นเป็นอันดับแรก โดยปกติชื่อไฟล์โฮมเพจจะตั้งโดยใช้ชื่อว่า index หรือ default หรือ home คะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาษาที่ใช้พัฒนา อาทิ เช่น index.html, index.htm, default.html , index.shtml
ไฟล์ html หรือ htm คือ ชนิดของไฟล์หน้าเว็บและหน้าโฮมเพจ จะมีนามสกุลเป็น .html หรือ .htm ใช้ได้ทั้ง 2แบบ
ลิ้งค์(Links)คืออะไรเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการที่อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางอยู่ทั่วโลกนั่น เป็นผลมาจากความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูล(Links) จากฐานข้อมูลหนึ่งไปยังฐานข้อมูลหนึ่งได้อย่างรวดเร็วในโลกของ อินเตอร์เน็ต การเชื่อมต่อกันเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดถ้ามีอินเตอร์เน็ตแต่มันไม่เป็นอิสระและไม่เชื่อมต่อกัน คงไม่ค่อยมีประโยชน์เดิมทีระบบอินเตอร์เน็ตพัฒนามาจากเครือข่ายเตือนภัยระหว่างหน่วยงานเพื่อความมั่นคงของสหรัฐทั่วประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อออนไลน์ระวังภัยที่จะคุกคามความมั่นคงของชาติตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้ถูกพัฒนายิ่งขึ้น จนกลายเป็นระบบสื่อสารที่เชื่อมโยงโลกทั้งโลกเข้าด้วยกัน........และการ Links ก็คือการที่เราต้องการเปิดเว็บเพจไปยังจุดหมายอื่นในเวบเพจเดียวกันหรือไปยังเวบเพจอื่นต้องมีการเขียนคำสั่ง กำหนดเส้นทางที่ต้องการจะไปและผู้ใช้ก็เพียงแค่... คลิกเม้าส์.. ! ที่จุดนั้นเพื่อเข้าไปยังจุดหมายที่กำหนดไว้
การเตรียมตัวก่อนลงมือทำเว็บมีกี่ข้ออะไรบ้าง เตรียมตัวหาข้อมูลออกแบบโครงสร้างขนาดและสีตัวอักษร
วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ใบงานที่ 3
3.1
1.แถบเครื่องมือลัด
2.แถบเครื่องมือด่วนเอง
3.ไตเติ้ลบาร์
4.คอนโทรเมนู
5.เมนูบาร์
6.ทลูบาร์
7.ไม้บรรทัด
8.เคร้าเซอร์
9.เมาส์พ้อยเตอร์
10.มุมมองเอกสาร
11.ปุ่มย่อ/ขยายเอกสาร
12.ปุ่มเลื่อนจอภาพ
13.แถบสถานะ
14.สโครลบาร์
15.สโครลบล็อกซ์
16.สโครลแอโร่
3.2
1.หน้าแรก
2.แทรก
3.เค้าโครงหน้ากระดาษ
4.การอ้างอิง
5.การส่งจดหมาย
6.ตรวจทาน
7.มุมมอง
8.add-in
3.3
1.ง
2.ข
3.ข
4.ค
5.ง
6.ง
7.ก
8.ข
9.ค
10.ข
11.ง
12.ข
13.ก
14.ข
15.ค
1.แถบเครื่องมือลัด
2.แถบเครื่องมือด่วนเอง
3.ไตเติ้ลบาร์
4.คอนโทรเมนู
5.เมนูบาร์
6.ทลูบาร์
7.ไม้บรรทัด
8.เคร้าเซอร์
9.เมาส์พ้อยเตอร์
10.มุมมองเอกสาร
11.ปุ่มย่อ/ขยายเอกสาร
12.ปุ่มเลื่อนจอภาพ
13.แถบสถานะ
14.สโครลบาร์
15.สโครลบล็อกซ์
16.สโครลแอโร่
3.2
1.หน้าแรก
2.แทรก
3.เค้าโครงหน้ากระดาษ
4.การอ้างอิง
5.การส่งจดหมาย
6.ตรวจทาน
7.มุมมอง
8.add-in
3.3
1.ง
2.ข
3.ข
4.ค
5.ง
6.ง
7.ก
8.ข
9.ค
10.ข
11.ง
12.ข
13.ก
14.ข
15.ค
Basketball
บาสเกตบอล ( basketball) เป็นกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งแบ่งผู้เล่นเป็น 2 ทีม แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่น 5 คนพยายามทำคะแนนโดยการโยนลูกเข้าห่วงหรือตะกร้า (basket) ภายใต้กติกาการเล่นมาตรฐาน
ตั้งแต่ที่คิดค้นขึ้นในปี พ.ศ.2434(ค.ศ. 1891) โดย เจมส์ ไนสมิท บาสเกตบอลได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นกีฬาสากล กีฬานี้มีจุดเริ่มต้นจากในวายเอ็มซีเอ ลีกที่เกิดขึ้นในสมัยแรก ๆ เป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมากลายเป็นกีฬ่าอาชีพ มีการจัดตั้งลีกเอ็นบีเอ (National Basketball Association, NBA) และเริ่มมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเมื่อ พ.ศ.2479 (ค.ศ. 1936)ถึงแม้ว่าในระยะแรกยังเป็นกีฬาที่เล่นเฉพาะในสหฐัอเมริกา กีฬาชนิดนี้แพร่ขยายไปสู่ระดับสากลด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบันมีนักกีฬาและทีมที่มีชื่อเสียงตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่เล่นในร่มเป็นหลัก สนามที่ใช้เล่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก คะแนนจะได้จากการโยนลูกเข้าห่วงจากด้านบน (เรียกว่า ชู้ต, shoot) ทีมที่มีคะแนนมากกว่าในตอนจบเกมจะเป็นฝ่ายชนะ สามารถนำพาลูกโดยการกระเด้งกับพื้น (เลี้ยงลูก, dribble) หรือส่งลูกกันระหว่างเพื่อนร่วมทีม เกมจะห้ามการกระทบกระแทกที่ทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ (ฟาล์ว, foul) และมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการครองบอล
เกมบาสเกตบอลมีการพัฒนาเทคนิคการเล่นต่าง ๆ เช่น การชู้ต การส่ง และ การเลี้ยงลูก รวมไปถึงตำแหน่งผู้เล่น (ซึ่งตามกฎแล้วไม่จำเป็นต้องมี) และตำแหน่งการยืนในเกมรุกและเกมรับ ผู้เล่นที่ตัวสูงถือเป็นข้อได้เปรียบ ถึงแม้ว่าในการเล่นแข่งขันจะควบคุมโดยกฎกติกา การเล่นรูปแบบอื่น ๆ สำหรับเล่นผ่อนคลายก็มีการคิดขึ้น บาสเกตบอลยังเป็นกีฬาที่คนนิยมดูอีกด้วย
ตั้งแต่ที่คิดค้นขึ้นในปี พ.ศ.2434(ค.ศ. 1891) โดย เจมส์ ไนสมิท บาสเกตบอลได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นกีฬาสากล กีฬานี้มีจุดเริ่มต้นจากในวายเอ็มซีเอ ลีกที่เกิดขึ้นในสมัยแรก ๆ เป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมากลายเป็นกีฬ่าอาชีพ มีการจัดตั้งลีกเอ็นบีเอ (National Basketball Association, NBA) และเริ่มมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเมื่อ พ.ศ.2479 (ค.ศ. 1936)ถึงแม้ว่าในระยะแรกยังเป็นกีฬาที่เล่นเฉพาะในสหฐัอเมริกา กีฬาชนิดนี้แพร่ขยายไปสู่ระดับสากลด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบันมีนักกีฬาและทีมที่มีชื่อเสียงตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่เล่นในร่มเป็นหลัก สนามที่ใช้เล่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก คะแนนจะได้จากการโยนลูกเข้าห่วงจากด้านบน (เรียกว่า ชู้ต, shoot) ทีมที่มีคะแนนมากกว่าในตอนจบเกมจะเป็นฝ่ายชนะ สามารถนำพาลูกโดยการกระเด้งกับพื้น (เลี้ยงลูก, dribble) หรือส่งลูกกันระหว่างเพื่อนร่วมทีม เกมจะห้ามการกระทบกระแทกที่ทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ (ฟาล์ว, foul) และมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการครองบอล
เกมบาสเกตบอลมีการพัฒนาเทคนิคการเล่นต่าง ๆ เช่น การชู้ต การส่ง และ การเลี้ยงลูก รวมไปถึงตำแหน่งผู้เล่น (ซึ่งตามกฎแล้วไม่จำเป็นต้องมี) และตำแหน่งการยืนในเกมรุกและเกมรับ ผู้เล่นที่ตัวสูงถือเป็นข้อได้เปรียบ ถึงแม้ว่าในการเล่นแข่งขันจะควบคุมโดยกฎกติกา การเล่นรูปแบบอื่น ๆ สำหรับเล่นผ่อนคลายก็มีการคิดขึ้น บาสเกตบอลยังเป็นกีฬาที่คนนิยมดูอีกด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)